เปลี่ยนสีผมบ่อย อันตรายแค่ไหน

KnesChanisara
1 min readMay 22, 2024

--

การทำสีผมแฟชั่นอาจส่งผลต่อหนังศีรษะได้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

สารเคมีในยาย้อมผม: ยาย้อมผมบางชนิด โดยเฉพาะยาย้อมผมแบบถาวร อาจมีสารเคมีที่รุนแรง เช่น แอมโมเนีย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และพาราเบน สารเคมีเหล่านี้ อาจทำให้หนังศีรษะระคายเคือง แห้ง หรืออักเสบ ในบางกรณี อาจรุนแรงถึงขั้น แพ้สารเคมี ผมร่วง หรือหนังศีรษะเป็นแผล

สภาพหนังศีรษะ: คนที่มีหนังศีรษะแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย หรือเป็นโรคผิวหนังบางชนิด มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาจากการทำสีผมมากกว่าคนทั่วไป

ความถี่ในการทำสีผม: การทำสีผมบ่อยครั้ง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาหนังศีรษะ

วิธีการทำสีผม: การทำสีผมด้วยตัวเอง โดยไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หรือการฟอกสีผม อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาหนังศีรษะ

วิธีการทำสีผมแฟชั่นที่ปลอดภัยต่อหนังศีรษะ

  • เลือกใช้ยาย้อมผมที่มีสารเคมีอ่อนโยน ปราศจากแอมโมเนีย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือพาราเบน
  • ทดสอบการแพ้สารเคมีก่อนทำสีผมทุกครั้ง
  • เว้นระยะห่างระหว่างการทำสีผม อย่างน้อย 4–6 สัปดาห์
  • หมักผมด้วยทรีทเมนต์บำรุงผมเป็นประจำ
  • ปรึกษาช่างทำผมที่มีประสบการณ์

การทำสีผมแฟชั่นส่งผลต่อหนังศีรษะ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ควรเลือกใช้ยาย้อมผมที่มีสารเคมีอ่อนโยน ทดสอบการแพ้สารเคมีก่อนทำสีผม เว้นระยะห่างระหว่างการทำสีผม หมักผมด้วยทรีทเมนต์บำรุงผมเป็นประจำ และปรึกษาช่างทำผมที่มีประสบการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาหนังศีรษะ

วิธีสังเกตว่าแพ้น้ำยาทำสีผม

ก่อนการย้อมผม

  • อ่านฉลากผลิตภัณฑ์: ตรวจสอบส่วนผสมของยาย้อมผม ว่ามีสารที่คุณแพ้หรือไม่ สารเคมีที่พบบ่อยที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ได้แก่ แอมโมเนีย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ พาราเบน และ PPD (พาราเฟนิลีนไดอะมีน)
  • ทดสอบการแพ้: ทายาจำนวนเล็กน้อย ที่บริเวณด้านหลังใบหูหรือท้องแขน ทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง หากมีอาการระคายเคือง บวม แดง คัน หรือเป็นตุ่ม แสดงว่าคุณแพ้ยาย้อมผมนั้น

ระหว่างการย้อมผม

  • สังเกตอาการระคายเคือง: ระหว่างย้อมผม สังเกตว่ามีอาการแสบร้อน คัน หรือระคายเคืองหนังศีรษะหรือไม่ หากมีอาการเหล่านี้ ควรล้างยาย้อมผมออกทันที
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา: ระวังอย่าให้ยาย้อมผมสัมผัสดวงตา หากเข้าตา ควรล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที และไปพบแพทย์

หลังการย้อมผม

  • สังเกตอาการแพ้: หลังการย้อมผม สังเกตว่ามีอาการแพ้เพิ่มเติม เช่น ผื่นแดง บวม คัน เป็นตุ่ม หายใจลำบาก หรือเวียนหัว หากมีอาการเหล่านี้ ควรหยุดใช้ยาย้อมผม และไปพบแพทย์ทันที
  • หนังศีรษะลอก: หนังศีรษะลอกเป็นอาการปกติหลังการย้อมผม แต่หากลอกเป็นแผ่นใหญ่ หรือมีอาการคันมาก ควรปรึกษาแพทย์

การแพ้น้ำยาทำสีผมส่งผลร้ายแรง ดังนี้

อาการแพ้ทั่วไป

  • ระคายเคืองหนังศีรษะ: มีอาการแสบร้อน คัน หนังศีรษะแดง บวม ลอกเป็นขุย
  • ผื่นผิวหนัง: มีผื่นแดง คัน ตุ่ม หรือเป็นสะเก็ด บริเวณใบหน้า คอ หรือบริเวณอื่นๆ
  • อาการทางระบบหายใจ: หายใจลำบาก หายใจติดขัด ไอ จมูกอื้อ
  • อาการทางระบบทางเดินอาหาร: คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย

อาการแพ้ที่รุนแรง

  • อาการบวม Quincke: บวมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ อาจทำให้หายใจลำบากได้
  • ช็อกจากการแพ้ (Anaphylactic shock): เป็นอาการแพ้ที่รุนแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิต มีอาการหายใจลำบาก ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ หมดสติ

ผลกระทบระยะยาว

  • ผมร่วง: การแพ้น้ำยาทำสีผม อาจทำให้ผมร่วงชั่วคราว หรือร่วงถาวร ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแพ้
  • หนังศีรษะอักเสบเรื้อรัง: มีอาการคัน หนังศีรษะแดง บวม เป็นตุ่ม หรือแผลเรื้อรัง
  • มะเร็ง: มีงานวิจัยบางชิ้นที่บ่งชี้ว่า การสัมผัสกับสารเคมีในยาย้อมผมบางชนิด เป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Non-Hodgkin’s lymphoma

การป้องกันการแพ้น้ำยาทำสีผม

  • ทดสอบการแพ้ก่อนการย้อมผมทุกครั้ง: ทายาจำนวนเล็กน้อย ที่บริเวณด้านหลังใบหูหรือท้องแขน ทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง หากมีอาการระคายเคือง บวม แดง คัน หรือเป็นตุ่ม แสดงว่าคุณแพ้ยาย้อมผมนั้น
  • เลือกใช้ยาย้อมผมที่มีสารเคมีอ่อนโยน: หลีกเลี่ยงยาย้อมผมที่มีแอมโมเนีย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ พาราเบน และ PPD
  • สวมถุงมือขณะย้อมผม: เพื่อป้องกันไม่ให้ยาย้อมผมสัมผัสผิวหนัง
  • ระบายอากาศให้เพียงพอ: ขณะย้อมผม ควรเปิดหน้าต่าง หรืออยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
  • ล้างยาย้อมผมออกให้หมด: หลังการย้อมผม ควรล้างยาย้อมผมออกให้หมดด้วยน้ำสะอาด และสระผมด้วยแชมพู
  • ปรึกษาแพทย์: หากคุณมีประวัติแพ้สารเคมี หรือเป็นโรคผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการย้อมผม

หากสงสัยว่าแพ้น้ำยาทำสีผม ควรหยุดใช้ยาย้อมผมและไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา

--

--