เปลี่ยนสีผมบ่อย อันตรายแค่ไหน
การทำสีผมแฟชั่นอาจส่งผลต่อหนังศีรษะได้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
สารเคมีในยาย้อมผม: ยาย้อมผมบางชนิด โดยเฉพาะยาย้อมผมแบบถาวร อาจมีสารเคมีที่รุนแรง เช่น แอมโมเนีย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และพาราเบน สารเคมีเหล่านี้ อาจทำให้หนังศีรษะระคายเคือง แห้ง หรืออักเสบ ในบางกรณี อาจรุนแรงถึงขั้น แพ้สารเคมี ผมร่วง หรือหนังศีรษะเป็นแผล
สภาพหนังศีรษะ: คนที่มีหนังศีรษะแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย หรือเป็นโรคผิวหนังบางชนิด มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาจากการทำสีผมมากกว่าคนทั่วไป
ความถี่ในการทำสีผม: การทำสีผมบ่อยครั้ง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาหนังศีรษะ
วิธีการทำสีผม: การทำสีผมด้วยตัวเอง โดยไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หรือการฟอกสีผม อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาหนังศีรษะ
วิธีการทำสีผมแฟชั่นที่ปลอดภัยต่อหนังศีรษะ
- เลือกใช้ยาย้อมผมที่มีสารเคมีอ่อนโยน ปราศจากแอมโมเนีย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือพาราเบน
- ทดสอบการแพ้สารเคมีก่อนทำสีผมทุกครั้ง
- เว้นระยะห่างระหว่างการทำสีผม อย่างน้อย 4–6 สัปดาห์
- หมักผมด้วยทรีทเมนต์บำรุงผมเป็นประจำ
- ปรึกษาช่างทำผมที่มีประสบการณ์
การทำสีผมแฟชั่นส่งผลต่อหนังศีรษะ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ควรเลือกใช้ยาย้อมผมที่มีสารเคมีอ่อนโยน ทดสอบการแพ้สารเคมีก่อนทำสีผม เว้นระยะห่างระหว่างการทำสีผม หมักผมด้วยทรีทเมนต์บำรุงผมเป็นประจำ และปรึกษาช่างทำผมที่มีประสบการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาหนังศีรษะ
วิธีสังเกตว่าแพ้น้ำยาทำสีผม
ก่อนการย้อมผม
- อ่านฉลากผลิตภัณฑ์: ตรวจสอบส่วนผสมของยาย้อมผม ว่ามีสารที่คุณแพ้หรือไม่ สารเคมีที่พบบ่อยที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ได้แก่ แอมโมเนีย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ พาราเบน และ PPD (พาราเฟนิลีนไดอะมีน)
- ทดสอบการแพ้: ทายาจำนวนเล็กน้อย ที่บริเวณด้านหลังใบหูหรือท้องแขน ทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง หากมีอาการระคายเคือง บวม แดง คัน หรือเป็นตุ่ม แสดงว่าคุณแพ้ยาย้อมผมนั้น
ระหว่างการย้อมผม
- สังเกตอาการระคายเคือง: ระหว่างย้อมผม สังเกตว่ามีอาการแสบร้อน คัน หรือระคายเคืองหนังศีรษะหรือไม่ หากมีอาการเหล่านี้ ควรล้างยาย้อมผมออกทันที
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา: ระวังอย่าให้ยาย้อมผมสัมผัสดวงตา หากเข้าตา ควรล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที และไปพบแพทย์
หลังการย้อมผม
- สังเกตอาการแพ้: หลังการย้อมผม สังเกตว่ามีอาการแพ้เพิ่มเติม เช่น ผื่นแดง บวม คัน เป็นตุ่ม หายใจลำบาก หรือเวียนหัว หากมีอาการเหล่านี้ ควรหยุดใช้ยาย้อมผม และไปพบแพทย์ทันที
- หนังศีรษะลอก: หนังศีรษะลอกเป็นอาการปกติหลังการย้อมผม แต่หากลอกเป็นแผ่นใหญ่ หรือมีอาการคันมาก ควรปรึกษาแพทย์
การแพ้น้ำยาทำสีผมส่งผลร้ายแรง ดังนี้
อาการแพ้ทั่วไป
- ระคายเคืองหนังศีรษะ: มีอาการแสบร้อน คัน หนังศีรษะแดง บวม ลอกเป็นขุย
- ผื่นผิวหนัง: มีผื่นแดง คัน ตุ่ม หรือเป็นสะเก็ด บริเวณใบหน้า คอ หรือบริเวณอื่นๆ
- อาการทางระบบหายใจ: หายใจลำบาก หายใจติดขัด ไอ จมูกอื้อ
- อาการทางระบบทางเดินอาหาร: คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
อาการแพ้ที่รุนแรง
- อาการบวม Quincke: บวมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ อาจทำให้หายใจลำบากได้
- ช็อกจากการแพ้ (Anaphylactic shock): เป็นอาการแพ้ที่รุนแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิต มีอาการหายใจลำบาก ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ หมดสติ
ผลกระทบระยะยาว
- ผมร่วง: การแพ้น้ำยาทำสีผม อาจทำให้ผมร่วงชั่วคราว หรือร่วงถาวร ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแพ้
- หนังศีรษะอักเสบเรื้อรัง: มีอาการคัน หนังศีรษะแดง บวม เป็นตุ่ม หรือแผลเรื้อรัง
- มะเร็ง: มีงานวิจัยบางชิ้นที่บ่งชี้ว่า การสัมผัสกับสารเคมีในยาย้อมผมบางชนิด เป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Non-Hodgkin’s lymphoma
การป้องกันการแพ้น้ำยาทำสีผม
- ทดสอบการแพ้ก่อนการย้อมผมทุกครั้ง: ทายาจำนวนเล็กน้อย ที่บริเวณด้านหลังใบหูหรือท้องแขน ทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง หากมีอาการระคายเคือง บวม แดง คัน หรือเป็นตุ่ม แสดงว่าคุณแพ้ยาย้อมผมนั้น
- เลือกใช้ยาย้อมผมที่มีสารเคมีอ่อนโยน: หลีกเลี่ยงยาย้อมผมที่มีแอมโมเนีย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ พาราเบน และ PPD
- สวมถุงมือขณะย้อมผม: เพื่อป้องกันไม่ให้ยาย้อมผมสัมผัสผิวหนัง
- ระบายอากาศให้เพียงพอ: ขณะย้อมผม ควรเปิดหน้าต่าง หรืออยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
- ล้างยาย้อมผมออกให้หมด: หลังการย้อมผม ควรล้างยาย้อมผมออกให้หมดด้วยน้ำสะอาด และสระผมด้วยแชมพู
- ปรึกษาแพทย์: หากคุณมีประวัติแพ้สารเคมี หรือเป็นโรคผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการย้อมผม
หากสงสัยว่าแพ้น้ำยาทำสีผม ควรหยุดใช้ยาย้อมผมและไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา